โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือซาร์ (Severe Acute Respiratory Syndrome – SARS) เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากไวรัสที่เรียกว่า SARS-CoV (Severe Acute Respiratory Syndrome Coronavirus) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาต้นตําหนิที่สร้างโรคทางเดินหายใจอย่างรุนแรงในมนุษย์
SARS มีอาการเฉียบพลันและรุนแรง รวมถึงไข้สูง, ไอ, หายใจเหนื่อย, ปวดกล้ามเนื้อ, หัวใจเต้นเร็ว, และอาจเกิดปัญหาในการหายใจอย่างรุนแรง โดยบางรายอาจต้องไปช่วยเหลือการหายใจด้วยเครื่องช่วยหายใจ หรือใช้เครื่อง CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) หรือ BiPAP (Bilevel Positive Airway Pressure) เพื่อช่วยระบายออกมูลหายใจและเพิ่มประสิทธิภาพในการหายใจได้
โรค SARS เริ่มระบาดเมื่อปี 2002-2003 และระบาดทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศจีนและฮ่องกง โรคนี้มีอัตราการเสียชีวิตสูง อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกจับตัวและจัดการอย่างเร็วรับรู้ การระบาดของ SARS จึงได้รับการควบคุมและหยุดลง
หลังจากการระบาดครั้งนั้น การวิจัยและการพัฒนาวัคซีนและวิธีการรักษาโรค SARS ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น และเนื่องจากความคล้ายคลึงกับไวรัส SARS-CoV-2 ที่เป็นสาเหตุของโรคโควิด-19 มีการใช้ความรู้และประสบการณ์จากการระดมความสนใจใน SARS เพื่อช่วยในการจัดการกับโรคระบาดอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในภายหลัง
การแก้ไขโรค SARS มีหลายแนวทางที่สำคัญที่จะให้คำแนะนำ ดังนี้
1.การระงับการแพร่เชื้อ: การควบคุมการแพร่เชื้อโดยการใช้มาตรการเจาะจงเช่น การรักษาที่มีประสิทธิภาพ, การกักกัน, การสวมหน้ากาก, และการล้างมืออย่างถูกต้อง เป็นต้น การป้องกันการแพร่เชื้อโดยการลดการสัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็นโรค SARS หรือผู้ที่เสี่ยงโดยตรง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
2.การรักษาอาการ: การรักษาโรค SARS มุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการ อาจให้ยาลดไข้, ยาแก้ปวด, และอื่นๆ ตามความเหมาะสม ในกรณีที่มีอาการหนักอาจต้องให้การช่วยเหลือการหายใจ และบำบัดเพิ่มเติมตามความจำเป็น
3.การวิจัยและพัฒนาวัคซีน: การพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อโรค SARS มีความสำคัญ เนื่องจากมีโอกาสที่โรคจะกลับมาระบาดในอนาคต การวิจัยและพัฒนาวัคซีนเป็นสิ่งที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมในการป้องกันโรคนี้ในอนาคต
4.การเฝ้าระวังและการตอบสนองโรคระบาด: การติดตามและเฝ้าระวังการระบาดของโรค SARS เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อการตอบสนองที่รวดเร็ว เพื่อควบคุมการแพร่เชื้อและป้องกันการระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ
5.การส่งเสริมสุขภาพสาธารณะและการศึกษาสาธารณะ: การส่งเสริมการปฏิบัติตนที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ, การสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ, และการศึกษาสาธารณะเกี่ยวกับวิธีการป้องกันและการรับมือกับโรค SARS เป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงในการระบาดของโรคนี้
การแก้ไขโรค SARS จำเป็นต้องผสานความร่วมมือระหว่างรัฐบาล, องค์กรสาธารณสุข, และประชาชนทั้งหมด เพื่อให้มีการตอบสนองที่มีประสิทธิภาพและเตรียมความพร้อมในการจัดการกับโรคนี้อย่างเหมาะสม
ได้รับการสนับสนุนโดย บัตรทองเบิกเครื่องช่วยฟังได้ไหม