ในอนาคตที่เราจะมีวัคซีนเข้ามามากเราจะมีวิธีการตัดสินใจอย่างไรว่าเราจะเลือกฉีดตัวไหนเลือกฉีดตัวไหนเรามาติดตามขั้นตอนดังต่อไปนี้คือขั้นตอน แรก ทุกคน ยอมรับว่ามองถึงประสิทธิภาพของยา ยาที่ใช้ในการฉีดในช่วงแรกๆก็จะเป็นของไฟเซอแอสตร้าเซนเนก้า
ซึ่งอเมริกาเริ่มฉีดก่อนตั้งแต่ปลายธันวาคมอักฤษก็เริ่มฉีดปลายธันวาคมจนถึงเดือนมกราคมเช่นเดียวกันก็จะมีทั้งแอสตร้าเซนเนก้าไฟเซอและโมเดอร์นา การศึกษาก็พบว่าประสิทธิภาพของยาดูเหมือนว่าไฟเซอและโมเดอร์นาจะมีประสิทธิภาพที่สูงมากกว่าตัวของแอสตร้าเซนเนก้าแต่นั่นเป็นเพียงเบื้องต้นในการตัดสินใจในการใช้ยา
ขั้นตอนที่สอง ภูมิต้านทานที่จะป้องกันเชื้อได้ โดยข้อมูลจากการศึกษาที่สมุทสาครจะสงเกตเห็นว่าจะมีบางคนที่ภูมิต้านทานยังอยู่ที่เลเวลในปริมาณที่ต่ำนั่นมันจึงแปลว่าในอนาคตเราจะมีข้อมูลมากขึ้นว่าภูมิต้านทานในระดับไหนเป็นภูมิต้านทานที่ดีสำหรับคนไทยหรือเป็นภูมิต้านทานที่เราใช้ในการปกป้องเชื้ออันนี้ก็จะเป็นตัวบ่งบอกว่าวัคซีนตัวไหนมีภูมิต้านทานขึ้นที่ดี
การศึกษาในสมัยนี้ก็จะเห็นว่าวัคซีนของไฟเซอภูมิต้านทานในเข็มแรกสูงมากแต่ตกลงด้วยความรวดเร็วจนสุดท้ายก่อนที่จะฉีดเข็มที่สองก็ไม่แตกต่างจากวัคซีนคู่แข่งของอังกฤษเลย
ขั้นตอนที่สาม ความรวดเร็วที่ภูมิขึ้นหลังพบเชื้อ เวลาที่เราฉีดวัคซีนไปแล้วภูมิต้านทานเมื่อเวลาผ่านไปแล้วไม่เจอเชื้อภูมิต้านทานก็จะเริ่มตกลงภูมิต้านทานร่างกายมันเป็นลักษณะของภูมิต้านทานที่มีความทรงจำหมายความว่าเมื่อวันเวลาผ่านไปภูมิต้านทานมันไม่ได้รับเชื้อมาภูมิต้านทานก็จะตกอยู่ใมนเลเวลระดับต่ำเหมือนที่เราเกิดปฏิกิริยากับวัคซ๊นปกป้องไวรัสตับอักเสบบี
ซึ่งหลายๆคนฉีดไปแล้วตั้งแต่สมันเด็กๆฉีดสามเข็มคือ1ครั้ง1เดือนแล้วก็6เดือนคนไข้หลายๆคนไปตรวจภูมิต้านทานตัวนี้ทั้งๆที่ฉีดครบเรียบร้อยแล้วแต่ปรากฎว่าตรวจไม่เจอภูมิต้านทานแบบนี้ก็เลยต้องโดนฉีดวัคซันต้านทานใหม่ในความเป้นจริงก็คือว่าภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นในร่างกาย
เวลาที่มันไม่ได้เกิดเชื้อมันจะตกไปอยู่ในระดับที่ต่ำฉะนั้นสิ่งที่เราสนใจก็คือว่าถ้าในกรณีที่คนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดแล้วถ้าเกิดไปอยุ่ในกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่แออัดและมีเชื้อกระจายภูมิต้านทานจะขึ้นได้เร็วแค่ไหนถ้าขึ้นช้าก็มีโอกาสติดเชื้อแล้วแพร่กระจายได้แต่ถ้าขึ้นเร็วตอบสนองเร็วต่อเชื้อแปลว่าวัคซีนนั้นมีประสิทธิภาพที่ดีมากๆจริงๆ
สนับสนุนโดย วิธีเล่นหวยรัฐบาล